วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ปรัชญา(ส่วนตัว)ในการเลี้ยงลูก

เริ่มเรื่องลูกกันเสียที สมมุติว่าย้อนไปยังอดีตที่ยังไม่มีลูก สิ่งที่คนเป็นลูกอย่างเราคิดอย่างเดียวคือ สิ่งไหนที่พ่อแม่ทำกะเราแล้วเราไม่ชอบ เราว่ามันไม่ถูก ไม่ควรทำ(กับลูก) เราจะไม่ทำ เช่น การดุด่าด้วยคำที่ไม่สุภาพ ใช้เสียงดัง ฯลฯ อันไหนที่พ่อแม่ทำกับเราแล้วเราชอบ เราจะทำ เช่น การที่พ่อเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน เป็นต้น
ในที่นี้ถ้าที่ลูกไม่ชอบคือเรื่องการมีระเบียบวินัยต่างๆที่ควรจู้จี้ สิ่งอันตรายที่ควรถูกห้ามไม่ให้ทำ ยังจำเป็นต้องมีเพราะลูกจะขอบคุณเราในภายหลัง แค่นี้เองปรัชญาการเลี้ยงลูกของเรา ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยก็ต้องไปดูที่นิสัยลูกเราอีกว่าเป็นอย่างไร เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันทั้งพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจ มีหลายสิ่งที่หลอมรวมจนเป็นนิสัยของเขาขึ้นมา ไม่ว่าการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม และนิสัยที่ติดมากับยีนส์ (ไม่อย่างนั้นเขาจะมีคำกล่าวที่ว่า เชื้อไม่ทิ้งแถว ลูกเสือลูกจระเข้ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ฯลฯ หรือ) เราเชื่ออย่างแน่นเหนียวว่า นิสัยบางอย่างของพ่อแม่หากทำเป็นประจำจนซึมลึกถึงหน่วยความจำของยีนส์ ลูกก็มีแนวโน้มที่จะมีนิสัยดังกล่าวอันนี้พูดในแง่วิทยาศาสตร์ ถ้าพูดในแง่ของหลักศาสนาพุทธของเราก็คือกรรม(การกระทำ)ที่พ่อแม่ทำจะตกไปถึงลูกนั่นเอง เมื่อเติบใหญ่ สิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดูอาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมแต่กำเนิดได้ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของการเลี้ยงดู
ณ เวลาที่เรายังไม่ได้เป็นแม่ เราพยายามครุ่นคิดเสมอว่าเรายังไม่ดีพอและถ้ามีลูกเราจะเลี้ยงลูกให้ดีกว่าที่เราเป็น อย่างเต็มความสามารถ หากเมื่อลูกเติบโตขึ้นไม่เป็นดังที่คาดหวังเราก็จะใจกว้างยกให้เป็นกรรม(การกระทำ)ของเจ้าลูกเอง ในเมื่อป้อนแต่ข้อมูลดีๆเข้าไป มีแต่สิ่งดีๆอยู่รอบตัวยังจะไปเลือกทำสิ่งไม่ดี ถึงวันนั้นเราก็.....จะแล้วแต่สูเต๊อะ ล่ะก๊า
ไม่ใช่ตัดหางปล่อยวัด ยังจะเป็นที่พึ่งและกำลังใจให้ลูกเสมอ เพียงแต่จะไม่ทุกข์เพราะลูก(หรือปลงให้ได้มากทีสุดว่ากรรมใครกรรมมัน)

Google adsense+กาลามสูตร

จากบทความแรก..ขอแทรกเรื่องลูกด้วยเรื่องนี้ก่อน
เราแนะนำตัวข้อหนึ่งว่าอยากทำ google adsense คนที่รู้จัก(อาจรู้มากกว่าเราระดับพระกาฬ)ก็ข้ามไปเลยนะจ๊ะ
คนที่สงสัยใครรู้จะอ่านต่อก็ต้องขอบอกว่า เราเองก็ยังรู้แค่ทฤษฎี การปฏิบัติก็ยังเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่เห็นผลของการทดลองเลยไม่ค่อยกล้าอวดอ้าง เอาเป็นว่าเท่าที่รู้มา google adsense เป็นการหารายได้ทางอินเตอร์เน็ตอย่างหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเรา ทีนี้ถ้าใครสนใจขึ้นมาก็หาข้อมูลได้มากมายในอินเตอร์เน็ตเอานะจ๊ะ ลางเนื้อชอบลางยา บางคนอาจไม่ชอบสไตล์ที่เราเขียนก็เป็นได้ ไปหาอ่านไอ้ที่เป๊ะๆดูเอง เล่าสาเหตุที่สนใจ google adsense ดีกว่า เริ่มต้นมาจากเพื่อนในface book เอารูปบัญชีรายได้จาก google adsense ของเขา รายได้หลักพันดอลล่าร์(ดิฉันก็ตาลุกสิคะ) อยากรู้ว่าเขาทำยังไง เช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่เขาก้บอกให้ไปหาหนังสือเกี่ยวกับ google adsense มาอ่านดู(แหม! ทำให้อยากแล้วจากไป..เคือง) เราก็เริ่มเลยเข้าหาอากู๋ google serch หาเลย ..เพียบ อ่านวิธีการเหมือนจะง่าย..แต่ยังงงๆ เจอเวปนึงแนะนำหนังสือเกี่ยวกับgoogle adsense ที่เขาทำแล้วได้เงินจริง เลยสั่งมาอ่านดู แต่หนังสือไม่ค่อยอัพเดตเลย ยังค้างคาใจ ยัง งง งง งง(ก็คนมันเคยเลยแต่ face book ,hi5, hotmail ไม่เคยมี blog มีweb กะเค้าเลยนี่) ในเมื่อยังไม่กระจ่างก็หาหนังสือได้มาอีก 2เล่ม มีเล่มนึงเขียนสนุกอ่านง่าย อีกเล่มก็มีภาพให้ดูเยอะ เลยดีขึ้น(เลยมีหน้ามาทำ blog นี้ขึ้นมา)
ถ้าอ่านบทความนี้แล้วเริ่มจุดประกายใครขึ้นก็แนะนำว่าหาข้อมูลก่อนนะคะ เรายังไม่แนะนำใครเพราะเรายังไม่สำเร็จจึงไม่อาจพูดบอกใครได้เต็มปากเต็มคำ แต่เท่ที่จะแนะนำได้คือ ข้อมูลที่หาในเน็ตเป็นข้อมูลเก่าๆ ถ้าจะซื้อหนังสือก็พลิกดูปีที่พิมพ์ด้วยก็ดีคะ แค่ 2-3 ปีข้อมูลก็เปลี่ยนไปเยอะมากแล้ว ส่วนตัวถ้าต้องการข้อมูลขั้นต้นหรืออยากรู้เฉยๆหาทางอินเตอร์เน็ตดีค่ะ เร็วดี แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สนใจมากๆและต้องการคู่มือที่เปิดอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ก็ต้องหนังสือค่ะ อีกอย่างเท่าที่สังเกตคนที่จะเขียนหนังสือมาเล่าให้เราอ่านอย่างน้อยๆต้องมีรูป check จาก google adsense มาอวดสักรูปเป็นหลักฐาน(ไม่งั้นใครจะเชื่อ) ลงทุนสักนิดถ้าคิดจะเอาจริง หนังสือซุบซิบดาราเล่มเกือบร้อยยังซื้อได้ หนังสือเอามาเป็นคู่มือหาเงินเกินร้อยมาไม่กี่บาทเอง จิ๊บๆ
ไม่เขียนเชียร์หนังสือใคร ไม่บอกชื่อเวปไหนทั้งสิ้น หากสนใจ ก็คำนี้เลย Google adsense แล้วมาเดินทางไปพร้อมกัน
แถมบทความเตือนสติ(เดียวจะไม่เข้า concept สนุกแบบมีสาระ)
กาลามสูตร
กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
7. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
9. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
10. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
ที่มา Bhudda4u

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

oh look! โอ๋ look โอ๋-ลูก

แนะนำตัว(บล็อก)

   เราไม่ใช่นักวิชาการด้านใดๆ เป็นแค่แม่บ้านที่ครุ่นคิดว่า
1.อยากทำgoogle adsenseแต่ไม่รู้จะทำเวปอะไร เวปขายของ..หันมองไปรอบตัวก็ยังนึกไม่ออกว่าจะขายอะไร(เค้าขายกันหมดแล้ว) ที่บ้านทำสวนผัก จะขายผักทางเน็ตก็เกรงใจคนส่งไปรษณีย์
2.อยากทำเวปที่ตัวเองชอบและสนใจ  จะได้ไม่เบื่อ  ..ก็ชอบหลายเรื่อง สนใจหลายอย่างเหลือเกิน แต่ที่สนใจหาข้อมูลมากทีสุดและเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน ก็น่าจะเป็นเรื่อง "ลูก"
3.อยากเขียนเรื่องที่มีสาระแบบสนุกๆ(เอาแบบว่าไม่ทันรู้ตัวว่าได้ความรู้เลยทีเดียวเชียว) ให้คนที่เข้ามาแวะอ่านรู้สึกมีความสุข สนุก และชอบเรื่องที่เราเขียน
4.อยากเผยแพร่มุมมองของตัวเองแบบใจกว้าง เพราะบางเรื่องที่เราคิดหรือรู้มาอาจไม่ถูกต้องเสียที่เดียว ถ้ามีคนที่สนใจเรื่องเดียวกับเรา หรือมีความรู้มาช่วยแชร์ เราก็จะได้เอาไปปรับใช้กับลูกเราด้วย
   ได้ประโยชน์ครบรึยังหนอ..