วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

มหัศจรรย์นิทานกับพ่อ

การอ่านหนังสือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คิดไว้แล้วว่าจะเพาะบ่มให้มีอยู่ในตัวลูก ไม่ได้เริ่มเร็วเหมือนอย่างที่บาง
คนแนะนำให้อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง เพราะเป็นคนชอบอ่านในใจค่ะ อีกทั้งถ้าพูดเสียงดังนานๆแล้วเสียงจะแหบ เจ็บคอ น่ารำคาญมาก เลยไม่ทำ มาเริ่มเมื่อลูกเริ่มนั่งได้และใช้มือไขว่คว้าสิ่งของมากขึ้น สนใจโลกนี้นักใช่ไหมเจ้าหนู มามะมาดูนี่ แล้วก็หยิบหนังสือดิกชันนารีเล่มเล็กแต่หนามากรีดให้ลูกดู ลูกมองด้วยความสนใจ นี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่ง นอกจากนี้ ยังยอมให้ลูกรื้อตู้หนังสือที่เขาเอื้อมถึงให้มากองรายรอบแล้วให้ลูกเลือกว่าจะหยิบเล่มไหนมาลองกรีดเหมือนแม่ (ยอมเหนื่อยเก็บหนังสือ ดีกว่าตวาดเวลาที่ลูกรื้อตู้หนังสือ) เวลาเก็บก็ให้เค้าช่วย แล้วเราก็จัดเรียงหนังสือใหม่อย่างตั้งใจ ให้เขาเห็นว่าแม่ให้ความสำคัญกับหนังสือเพียงใด และการที่บ้านเราไม่มีหนังสือพิมพ์ ทำให้เราไม่ต้องเอากระดาษที่มีตัวหนังสือมาฉีก มาขย่ำให้ลูกเห็นก็น่าจะเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกไม่เคยฉีกหนังสือเลย แต่แม้จะพยายามหาหนังสือที่คิดว่าลูกจะชอบมาอ่านให้ฟังก็ดูจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เปิดเวปสองภาษาก้เห็นว่าแม่หลายคนบ่นเรื่องนี้เหมือนกัน เราเองก็ท้อแท้ จนได้เคล็ด(ไม่)ลับ ในการเรียกร้องความสนใจจากลูกมาจากรายการโทรทัศน์ ว่าก็ที่จะให้เด็กสนใจกิจกรรมที่เราทำอยู่ต้องทำเสียงตื่นเต้นค่า..เช่น แม่งึมงำอ่านหนังสืออยู่ลูกลุกเดินหนี จัดการเลย ทำเสียงตื่นเต้นสุดๆ “โอ้โห นี่อะไรเนี่ย”(ชี้ในหนังสือ) ร้อยทั้งร้อยค่ะเสร็จแม่ อิอิ ในทีวีก้เห็นเด็กหลงกลทีนึงละ มาลองกับเด็กที่บ้านก็ได้ผลแล้วได้ผลอีกเชียวค่ะ
การเริ่มอ่านนิทานจริงๆจังๆให้ลูกฟังน่าจะเริ่มเมื่อตอนที่ตาส่งหนังสือที่ทางกระทรวงสาธารณะสุขแจกหนังสือเล่มแรกให้กับเด็กที่เกิดใหม่ เพื่อส่งเสริมให้พ่อแม่อ่านนิทานให้ลูกฟัง มีทั้งเป็นเรื่องสั้น(แต่อาจจะยาวและน่าเบื่อสำหรับเด็ก)ก็ใสอารมณ์ตื่นเต้น ทำเสียงเล็กเสียงน้อย ไม่ต้องตามหนังสือเป๊ะค่ะ ดัดแปลงเอามั่งตามสถานการณ์ (แม่ที่เก่งต้องมีไหวพริบในการเลี้ยงลูก อิอิ เอ..ชมตัวเองรึเปล่าเนี่ย) และที่เด็กชอบอีกอย่างคือที่เป็นบทกลอน มีจังหวะ นอกจากนี้ควรให้เขามีส่วนร่วม เช่น ถ้าเราอ่านให้เค้าฟังรอบนึงแล้วมีขอเบิ้ล ในรอบสองนี้ต้องให้ลูกมีส่วนร่วมในการเล่าเรื่อง หรือแม่อาจจะตั้งคำถาม แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ว่าตัวนี้พูดว่าอะไร สารพัดที่แม่จะออกลีลา(เป็นแม่นี่มันช่างท้าทายความสามารถจริงๆ) ความสำเร็จในตอนนี้เป็นที่น่าพอใจก็คือลูกจะหยิบหนังสือมาให้พ่อหรือแม่อ่านให้อย่างน้อยหนึ่งเล่มก่อนนอน ไม่ว่าจะง่วงสักเท่าไรก็ตาม แค่นี้ก็พอใจแล้วค่ะ มาตรฐานไม่สูง เอาแค่ทุกคนในบ้านมีความสุขก็พอแล้ว
อีกอย่างหนึ่งที่เราคิดว่าสำคัญมากๆและเห็นหลายๆ(แม่)บ้านก็ทำคือ (บังคับ)ให้คุณพ่ออ่านหนังสือให้ลูกฟัง แม่ปลูกฟัง ให้พ่อช่วยสานต่อ คุณพ่อทั้งหลายเชื่อไหมคะ ถึงจะอ่านผิดๆถูกๆ ตะกุกตะกักยังไง แต่ลูกมีความสุขนะ ที่ได้อยู่ใกล้ชิดพ่อที่วันๆไม่ได้เจอหน้า(เพราะพ่อต้องทำงานทั้งวัน) ลูกเราจะชอบให้พ่ออ่านให้ฟังมาก ลูกบอกว่า “อ่านหนังสือกับพ่อสนุก” มันทำให้เรานึกถึงตอนเราเด็กๆที่เรากับน้องหนุนแขนพ่อคนละข้างแล้วพ่อก็เล่านิทาน(ที่คิดว่าพ่อคงแต่งเอง)ให้ฟัง มันมีความสุขและยังเป็นความทรงจำที่ไม่ลืมเลือน ... ลองดูนะคุณพ่อ อ่านนิทานง่ายกว่าทำงานอีกนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น