เมื่อลูกเริ่มเติบโต มีพัฒนาการด้านต่างๆตามลำดับ สิ่งที่เรายึดเป็นหลักในการเลี้ยงลูกคือหนังสือ รองลงมาคือคำแนะนำจากผู้ใหญ่ แต่ก็อย่างที่จั่วหัวเรื่องไว้ เราไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างหนักแน่น ใช้วิธียืดหยุ่นให้เหมาะสมกับจริตของแม่และลูก
บางอย่างที่สมัยใหม่แนะนำเว่อร์ไป ไฮโซเกินเหตุเราก็ตัดออกทำให้เหมาะสมกับฐานะ เช่น แนะนำให้ซื้อขวดนมเป็นโหล ผ้าอ้อมหลายๆโหล ของก็ต้องยี่ห้อนั่นนี่ พ่อเจ้าประคุณ แนะนำแบบไม่เกรงใจคนจนเลย ก็ใช้วิธีหาของตลาดๆที่ราคาสมเหตุสมผล คุณภาพดีก็พอ(นะลูก) หนังสือสำหรับแม่มือใหม่เดี๋ยวนี้เยอะมาก หลายเชื้อชาติด้วย เนื้อหาก็คล้ายๆกัน มีไว้มาเป็นguide lineกว้างๆสักเล่มสองเล่มก็พอ เปิดๆอ่านดูอันไหนถูกอัธยาศรัยก็อุดหนุนกันไป แหม จะว่าไปบางทีข้อมูลเหล่านี้หาได้ทั้งหมดฟรีๆในอินเตอร์เน็ตนะคะ แถมนมหลายๆยี่ห้อก็มีเวปส่วนตัวที่มีข้อมูลดีๆ แถมยังมีคนมาช่วยตอบข้อข้องใจให้ด้วย ส่วนข้อมูลที่นำมาใช้ก็เกี่ยวกับการตอบสนองอารมณ์ความต้องการของทารก การสังเกตพฤติกรรมลูก การรักษาความสะอาด ฯลฯ เหล่านี้แหละค่ะ
บางเรื่องของโบราณก็รับไม่ได้อย่างแรง เช่น การกวาดคอ (เป็นความเห็นส่วนตัว) เคยเห็นเพื่อนร่วมงานลูกชายเค้า ย่ากวาดคอให้ เห็นเป็นทอลซิลอักเสบซะทั้งพ่อทั้งลูก(โดนกวาดมาตั้งแต่รุ่นพ่อ) อีกทั้งบอกสามีว่า ชั้นไม่ยอมให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้เอามือที่มีเล็บดำๆมาล้วงคอลูกชั้นเด็ดขาด ถึงเธอยอมแต่ชั้นไม่ยอม!!!
เอาล่ะเดี๋ยวจะแรงเกิน ปู่ย่าตายายมาอ่านเจอจะรับไม่ได้ ..ต้องกล่าวซะหน่อยว่าที่รับได้ของโบราณก็มี เช่น ตอนลูกไข้ ผู้ใหญ่หาหญ้าเขียวๆมาตำแล้วโปะหัวลูกไว้ เราก็ยอมเพราะไมได้เสียหายอะไร พอเช้ามาไข้ลด โอ้โห้ ผู้ใหญ่คุยฟุ้ง เพราะไข้ลดหญ้าของท่าน(ทั้งๆที่เรานั่งเช็ดตัวให้ลูกทั้งคืนเลยนะ -_-) ก็เอาเถอะ ทำให้ผู้ใหญ่มีความสุขอย่าไปขัดคอท่านเลย อีกเรื่องที่ยอมให้คือยาบำรุงชื่อ “ยากุมาร” ท่านเห็นลูกไม่อ้วน เลย(บังคับ)ให้ไปซื้อมาให้ลูกกิน จะได้กินข้าวได้ ก็กินหมดไปหลายขวด ไม่เห็นจะอ้วนพีขึ้นมาเลย แม่แถมยาวิตามินฝรั่ง นมสำหรับเด็กเบื่ออาหารราคาแพง ลองมาแล้วทั้งนั้น ถ้าหันกลับมาดูสายพันธุ์ก็น่าจะยอมรับได้บ้างว่าลูกเราก็ต้องเหมือนเราสิ(ว่ะ) แรกๆก็เครียดที่มีคนทักเรื่องลูกไม่อ้วน ตอนนี้พอใจแล้ว แค่ลูกแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย พัฒนาการตามวัยก็พอใจแล้ว (แต่คนเราบางที สิ่งแวดล้อมที่มีคนมาพูดจุ๊กจิ๊กวิพากษ์วิจารณ์มากไปก็ทำให้จากที่มั่นใจเปลี่ยนเป็นไม่มั่นใจได้เหมือนกันนะ)
แต่ด้วยการวิเคราะห์ด้วยส่วนตัวแล้วพัฒนาการของเด็กทุกคนจะไม่มีมาตรฐานตายตัวไม่ว่าจะในหนังสือหรือจากประสบการณ์ของผู้ใหญ่ เด็กแต่ละคนจะมีความพร้อมในด้านต่างๆ ต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคนเลี้ยงที่จะสังเกตและสนับสนุน เพิ่มพูนพัฒนาการต่างๆให้สมวัย ดังนั้นการเลี้ยงลูก ลูกจะเป็นคนบอกเราเองว่าเขาต้องการอะไร ไม่ต้องให้หนังสือเล่มไหนหรือใครมาบอก ถ้าเราเป็นแม่ที่ใส่ใจลูก เราจะรู้ได้เอง ส่วนคนอื่นๆที่มาแวะเวียนช่วยเลี้ยงลูกให้เรา เราก็ให้เขาเลี้ยงตามความเชื่อของเขา เพราะเราถือว่าเขาเข้ามาในระยะเวลาสั้นๆ และแม้การเลี้ยงดูจะแตกต่างลูกก็จะปรับตัวได้ ดีเสียอีก ลูกจะได้รู้จักปรับตัวเมื่ออยู่กับคนอื่นตั้งแต่เล็กๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น