วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

กลัวลูกสายตาสั้น2

อีกบทความที่เสาะหามาแก้ไขข้อสงสัยของตนเอง ลองอ่านกันดูจ้ะ

โรคทางสายตาจากการใช้คอมพิวเตอร์ในเด็ก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรคทางสายตาจากการใช้คอมพิวเตอร์ในเด็ก เป็นปัญหาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดความเครียดต่อดวงตาของเด็ก เนื่องจากคอมพิวเตอร์ได้มีการบังคับให้โฟกัสของดวงตามาอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ดังนั้นจึงก่อนให้เกิดความเครียดสูงมากกว่าการทำกิจกรรมอื่น ๆ
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เด็กมักจะทำกิจกรรมข้างนอกบ้าน แต่ปัจจุบัน ในแต่ล่ะวันเด็กนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่เพียงแต่ที่บ้านแต่ยังรวมไปถึงที่โรงเรียน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาทางสายตา ปัจจุบัน พ่อแม่ควรที่จะตระหนักถึงปัญหาด้านสายตาที่เกิดจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ การใช้งานคอมพิวเตอร์โดยปราศจากการเคลื่อนไหว หรือการบริหารดวงตาย่อมส่งผลเสีย
เนื้อหา
• 1 ผลกระทบ
• 2 งานวิจัย
• 3 ข้อแนะนำ
• 4 ขั้นตอนของการลดความเครียดในดวงตา

ผลกระทบ
the American Optometric Association ได้กล่าวถึงผลกระทบของการใช้คอมพิวเตอร์ในเด็กโดยเกี่ยวข้องกับปัจจัยดังนี้
• เด็กไม่มีขีดจำกัดของการตระหนักในตัวเอง โดยอาจจะทำกิจกรรมกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลา 2 - 3 ชั่วโมงโดยไม่มีการพัก
• เด็กมีความสามรถในการปรับตัว ทางสมาคมได้มีการคาดเดาว่า เด็กสามารถมองเห็นได้อย่างปกติถึงแม้ว่าการมองเห็นจะมีปัญหา นี่คือสิ่งที่มีความจำเป็นต่อพ่อแม่ในการควบคุมเวลาในการใช้งานของคอมพิวเตอร์
• คอมพิวเตอร์ เวิร์คสเตชันมักจะมีการออกแบบให้เข้ากับผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ซึ่งเด็กจะมีร่างกายที่เล็กว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นเด็กจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนองศาในการมอง โดยปกติผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรมีมุมในการมองจอคอมพิวเตอร์จากด้านบนลงล่างเล็กน้อยประมาร 15 องศา
งานวิจัย
• 90 % ของเด็กนักเรียนได้มีการใช้คอมพิวเตอร์ทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน
• เด็กนักเรียน 54 ล้านคนในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการใช้คอมพิวเตอร์ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนตามลำพัง
• กุมารแพทย์ เชื่อว่าเด็กที่ใช้คอมพิวเตอร์อย่างหนักมีโอกาสเสี่ยเป็นโรคสายตาสั้น ซึ่งผลการศึกษาได้ชี้ให้เห็นว่าคอมพิวเตอร์มีผลกระทบด้านลบต่อการมองเห็นของเด็ก
• 25 % - 30 % ของการใช้คอมพิวเตอร์ในเด็ก ต้องการอุปกรณ์ทางสายตาที่เหมาะสม (แว่นตา , คอนแทคเลนส์ เป็นต้น) เพื่อที่จะทำงานได้อย่างเหมาะสมทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน (เป็นผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยโดย University of California at Berkeley School of Optometry)
• เปอร์เซ็นโรคสายตาสั้นของเด็กในช่วงประถมมีการเพิ่มขึ้นจาก 12.1 % เป็น 20.4 % ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 (เป็นผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยโดย Department of Health ในไต้หวัน)
• การศึกษาในลักษณะที่คล้าย ๆ กันของประเทศสิงคโปร์พบว่าภายใน 3 ปี เปอร์เซ็นของเด็กอายุ 7-9 ขวบ เป็นโรคสายตาสั้นเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ข้อแนะนำ
กุมารแพทย์เชื่อว่าความเครียดที่เกิดขึ้นเกิดจาก การมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ (near-point world) มากกว่ากรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคสายตาสั้น เพื่อเป็นการป้องกันเด็กจาก Children and Computer Vision Syndrome (CVS) ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
1.ควรมีการตรวจสอบดวงตาอย่างละเอียด รวมทั้ง near-point (computer and reading)
2.เวิร์คสเตชันควรจัดให้เหมาะสมกับเด็ก
3.ระยะที่แนะนำระหว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์กับดวงตาของเด็ก คือ 18-28 นิ้ว โดยการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ใกล้กว่า 18 นิ้ว จะทำให้ดวงตาของเด็กเสี่ยงต่อการเกิดความเครียด
4.ควรปรับเปลี่ยนหน้าจอ และแสงภายในห้องไม่ให้จ้าเกินไป
5.พ่อแม่และคุณครูควรตระหนักถึงพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงปัญหาที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาจากพฤติกรรมเหล่านี้ เช่น
o ตาแดง
o การขยี้ตาบ่อย ๆ
o คอเคล็ด
o ตามัว
o การล้าของดวงตา
ขั้นตอนของการลดความเครียดในดวงตา
1.ปรับแสงให้เหมาะสม
2.กำจัดแสงที่มาจากภายนอก
3.ลดความจ้าของหน้าจอคอมพิวเตอร์
4.ปรับเปลี่ยนความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์
5.กระพริบตาบ่อยขึ้น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
6.บริหารดวงตาโดยการมองไปหาวัตุไกล ๆ 10-15 วินาทีและ มองหาวัตุถุใกล้ ๆ อีก 10-15 วินาที
7.ควรพัก 10 นาที ทุก ๆ 1 ชัวโมง
8.ปรับเปลี่ยนเวิร์คสเตชัน
9.บริหารร่างกายในขณะที่นั่งเพื่อเป็นการผ่อนคลาย เช่น ยืดแขน หรือขา เป็นต้น

..หวังว่าคงเป็นประโยชน์นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น