ไปเจอบทความอีกล่ะค่ะ ลอกเค้ามาทั้งดุ้นเลย แต่โดนส่วนตัวคือเป็นแม่ที่มีมาตรฐานความสะอาดพอสมควร ไม่ถึงกับสกปรกไม่ได้ ลูกสามารถลุยขี้โคลน เล่นทราย ถอดรองเท้าเดินได้ แต่เวลาขึ้นบ้านต้องทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย ..อื่นๆก็รักษาความสะอาดตามปกติทั่วไป แต่เห็นด้วยกับการหัดให้ลูกรู้จักรักษาความตั้งแต่เล็กๆ เพราะอย่างลูกชายถ้ามือเปื้อนเค้าจะวิ่งไปล้างเอง วิธีหลอกล่อย่างหนึ่งคือ ทำหน้าว่ารังเกียจมากๆเมื่อเห็นมือลูกสกปรก(สายตาจ้องที่ความสกปรกนะคะ ไม่ใช่ทำหน้ารังเกียจลูก เดี๋ยวลูกเสียใจ) เอาล่ะ ลองอ่านอะไรที่เค้าเขียนแบบวิชาการดีกว่า
กุญแจสำคัญของการสร้างทัศนคติที่ดีในการทำความสะอาดร่างกาย คือการเริ่มสอนให้ลูกรู้จักดูแลความสะอาดตั้งแต่อายุน้อยๆ เพื่อสร้างนิสัยรักความสะอาด รักสุขภาพ ให้มีสุขอนามัยที่ดีในอนาคตโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชเลยล่ะค่ะ
วัย 1-2 ขวบ
เด็กวัยนี้มีความกลัวมากกว่าเด็กวัยอื่นๆ ค่ะ หากมีเหตุการณ์ที่ทำให้กลัวเพียงครั้งเดียว ก็จะจดจำจนทำให้แก้ไขได้ยาก อย่างกรณีอาบน้ำ หากหนูน้อยคนไหนเคยโดนแชมพู หรือสบู่เข้าตา เขาจะกลายเป็นเด็กที่กลัวการอาบน้ำสระผมขึ้นสมองเลยค่ะ ดังนั้น จึงควรระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีที่จะทำให้ลูกฝังใจได้
การสอนลูกในวัย 1-2 ขวบ เป็นการสอนให้เด็กได้ซึมซับ และเคยชินกับการดูแลความสะอาดเท่านั้น คุณยังจะต้องคอยช่วยจับมือลูกในการแปรงฟัน ให้ลูกได้ใช้ขันหรือฝักบัวในการราดน้ำเอง แต่ยังต้องมีคุณคอยช่วยถูสบู่อยู่ อย่าไปคาดหวังว่าลูกจะทำความสะอาดร่างกายได้สะอาดหมดจด และทำได้เองโดยไม่ต้องบอก เพราะแม้ว่าลูกวัยนี้จะสามารถหยิบจับ เดินเหินได้คล่องบ้างแล้วแต่ก็ยังเด็กเกินไปที่จะคิดทำอะไรได้ด้วยตัวเอง คุณพ่อคุณแม่จึงควรเป็นผู้ช่วย คอยแนะแนวทางปฏิบัติให้ลูกทีละขั้นตอน และทำให้เป็นกิจวัตร ซึ่งก็ต้องผนวกไปกับความสนุกและใช้เวลาสั้นๆ เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกเบื่อค่ะ
วัย 2-3 ขวบ
ลูกในวัย 2-3 ขวบ มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นและต้องการแสดงศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่ให้คุณได้เห็นเมื่อลูกมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น คุณก็ต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของลูกด้วย ปล่อยให้เขาได้หัดทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่พอลูกทำอะไรไม่ถูกก็รีบจัดการให้เสียทุกอย่าง จนลูกเกิดความเคยชินไม่ยอมทำด้วยตัวเองเพราะลูกรู้ว่าถ้าไม่ทำคุณก็จะทำให้ ยิ่งถ้าคุณบ่นเมื่อลูกทำอะไรไม่ถูก จะกลายเป็นการลดทอนความมั่นใจของลูกด้วยค่ะ
ทั้งถอดเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า ล้างหน้า อาบน้ำ ลูกวัยนี้สามารถทำได้เองค่ะ แต่ศักยภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ จะยังไม่ดีเท่ากับผู้ใหญ่อย่างเราๆ ดังนั้นคุณจึงต้องคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เปิดโอกาสให้ลูกได้หัดแปรงฟัน อาบน้ำ สระผมด้วยตัวเอง โดยมีคุณคอยดูแลอยู่ข้างๆ ถ้าลูกเบื่อควรโยงกิจกรรมต่างๆ เข้ากับความสนุก พร้อมอธิบายให้ฟังว่าการดูแลความสะอาดร่างกายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำทุกวัน ที่สำคัญ คุณต้องทำให้เป็นตัวอย่างเพื่อลูกจะได้เห็นว่าคุณก็ทำกิจกรรมเหล่านั้นทุกวันด้วยเหมือนกัน
แปรงสะอาด อาบสนุก สระสบาย
วิธีที่จะทำให้ช่วงเวลาแห่งการสอนลูกรักสะอาดเป็นเรื่องสนุกทำได้ดังนี้ค่ะ
เลือกเอง ปล่อยให้ลูกได้เลือกอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำความสะอาดร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นแปรงสีฟัน แชมพู สบู่ หรือฟองน้ำขัดตัวด้วยตัวเอง แต่ต้องแน่ใจว่าของทุกชิ้นที่ลูกเลือกเหมาะกับช่วงวัยของลูกจริงๆ อย่างเช่นแปรงสีฟันควรจะเป็นแปรงที่ออกแบบมาสำหรับเด็ก แชมพู สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิวบอบบาง เป็นต้น
หลากหลาย ให้ลูกได้มีแปรงสีฟัน แชมพู สบู่ ที่หลากหลาย เพื่อให้เป็นตัวเลือกที่เพิ่มความสนุกตื่นเต้นก่อนเริ่มกิจกรรมได้เหมือนกันค่ะ
สนุก หาของเล่นสำหรับเล่นเวลาอาบน้ำ อาจเป็นตุ๊กตาลอยน้ำได้ หรือที่เป่าฟองสบู่มาเล่นกับลูกขณะทำกิจกรรม อาจเปิดดนตรีคลอไปด้วย จะได้ทั้งความสนุกและบรรยากาศที่ผ่อนคลายค่ะ
ป้องกันได้ ชวนกันไปซื้อหมวกคลุมที่ใช้เวลาสระผมถามลูกว่าอยากได้สีไหนและอธิบายสรรพคุณ อย่างเช่น “หมวกเอาไว้ใส่เวลาสระผม กันแชมพูเข้าตาลูก ต่อไปนี้จะได้ไม่ต้องกลัวการสระผมแล้ว หนูอยากได้สีไหนจ๊ะ” เป็นต้น
สอนยังไง...ให้หนูทำ
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าวัยนี้เป็นวัยต่อต้าน ที่สั่งให้ทำอะไรเป็นต้อง “ไม่ ไม่ ไม่” ทุกที
ซึ่งในความเป็นจริงเขาไม่ได้คิดจะต่อต้านหรือดื้อดึงอะไรกับคุณพ่อคุณแม่หรอกค่ะ เพียงแค่ต้องการแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาอวดให้คุณเห็นเท่านั้นเอง
ดังนั้น ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ต้องการขจัดปัญหาที่เวลาสั่งให้ลูกทำอะไร แล้วจะต้องได้รับคำตอบจากปากของลูกน้อยว่า “ไม่” ตลอดล่ะก็ “รักลูก” มีวิธีเปลี่ยนคำว่า “ไม่” เป็น “ได้จ๊ะ” มาฝากค่ะ
ทำเป็นกิจวัตร คุณพ่อคุณแม่ต้องทำให้ลูกคุ้นเคยกับการทำความสะอาดร่างกายอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอ โดยเลือกเวลาเดิม หรือใกล้เคียงเวลาเดิม เช่น อาบน้ำตอนตื่นนอน และก่อนเข้านอนทุกวัน แปรงฟัน หลังอาหารทุกครั้ง เป็นต้น
เปลี่ยนคำสั่งให้เป็นการชักชวน อย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบกันดีว่าลูกลูกวัย 1-3 ขวบ ไม่ชอบให้คุณพูดออกคำสั่งเท่าไรนัก คุณจึงควรหลีกเลี่ยงการบังคับหรือใช้น้ำเสียงที่แสดงถึงการออกคำสั่ง แต่หันมาใช้วิธีพูดเชิญชวนแทน เช่น พูดกับลูกว่า “วันนี้มาลองอาบน้ำด้วยสบู่กลิ่นใหม่ที่ลูกไปเลือกกับแม่มาดีไหมจ๊ะ” หรือว่า “วันนี้ลูกอยากใช้แปรงสีไหนแปรงฟันจ๊ะ” ถ้าเขายังไม่อยากทำก็อย่าบังคับค่ะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีที่สุด
เป็นตัวอย่างให้ลูกดู เมื่อถึงเวลาอาบน้ำ แปรงฟัน คุณพ่อคุณแม่อาจพูดมาลอยๆ ว่า “ทานอาหารเสร็จแล้วต้องแปรงฟัน ไปดูคุณแม่แปรงฟันกันไหมคะ” จากนั้นก็แปรงฟันให้ลูกดู ลูกจะค่อยๆ จดจำ และอยากจะทำทุกอย่างเหมือนบ้าง ตามลักษณะนิสัยชอบเลียนแบบของวัยนี้เลยค่ะ
ร่วมวงทำกิจกรรม ชวนลูกให้ทำกิจกรรมร่วมกันไม่ว่าจะแปรงฟัน อาบน้ำ สระผม ในกรณีอาบน้ำอย่าลืมว่า คุณจะต้องระวังเรื่องการแต่งกายของลูกด้วยนะคะ ต้องเริ่มสอนในเรื่องการปกปิดส่วนที่ไม่สมควรจะเปิดเผยให้ผู้อื่นเห็นได้แล้ว
พูดให้เห็นข้อดีของการทำความสะอาดร่างกาย เป้าหมายสูงสุดของการสอนให้รักสะอาด ก็คือ ช่วยให้ลูกรับรู้ว่าการดูแลความสะอาดร่างกายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องปฏิบัติทุกวัน ฉะนั้น คุณจะต้องพูดข้อดีให้ลูกเห็นทั้งขณะและหลังทำความสะอาดร่างกายทุกครั้ง
อย่าลืมชดเชย อย่าลืม...พูดชมลูกทุกครั้งที่เขาทำกิจกรรมเสร็จ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกได้ค่ะ
ธรรมชาติของเด็กนั้นมีความอยากรู้ อยากเห็น และอยากทำอยู่แล้วเป็นทุนเดิมค่ะ การเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองกิจกรรมใหม่ๆ นอกจาก กระตุ้นการเรียนรู้แล้ว ยังเพิ่มศักยภาพด้านต่างๆ ของลูกได้ด้วยนะคะ
แล้วคุณจะรู้ว่า...เจ้าตัวน้อยทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดค่ะ.
(update 11 กรกฎาคม 2008)[ ที่มา.. นิตยสารรักลูก ปีที่ 26 ฉบับที่ 302 มีนาคม 2551 ]
...กราบขอบพระคุณ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น